[ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ] - [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ] นิยาย [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ] : Dek-D.com - Writer

    [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]

    ฉันได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยในที่ทำงานที่แรกของฉัน โชคดีจังเลยที่ฉันได้เขามาเป็นหัวหน้า แต่เรื่องเลวร้ายก็เกิดขึ้น...นิยายที่อาจจะทำให้คุณร้องไห้อินไปกับนิยายเรื่องนี้ ขอย้ำว่าอาจ TTOTT

    ผู้เข้าชมรวม

    830

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    830

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 48 / 10:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      uP tO`u ขอเสนอเรื่อง
      [ครั้งหนึ่งในชีวิต]-[ครั้งหนึ่งที่ในหัวใจฉันมีเธอ]


          “สวัสดีค่ะ มาทำงานวันแรกค่ะ”

          ฉันพูดขึ้นตอนเดินเข้าไปในห้องทำงานห้องใหม่และที่ใหม่ของฉัน

          “นั่นโต๊ะของเธอ”

          “แหม ^-^ ค่ะๆ ดุจังเลย”

          ฉันเดินถือกระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของฉัน

          “เธอว่าไงน่ะ!”

          “อ๋อ... -_- เปล่าค่ะ เพื่อนๆ ของฉันบอกน่ะค่ะเขาบอกฉันว่า ฉันโชคดีสุดๆ ไปเลยที่ได้มาทำงานกับคนหล่อๆ อย่างคุณนะค่ะ เพื่อนๆ ของฉันอิจฉากันทุกคนเลยค่ะ ^-^”

          ฉันพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี๋ของฉันแล้วจัดหนังสือและเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ

          “งั้นหรอ”

          “-_-…”

          เย็นช้าชะมัด แหม...แต่ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีแหละน่ะ แถมยังหล่ออีกด้วย อ่า...โชคดีชะมัดเลยผู้หญิงในโลกคนไหนจะโชคดีแบบฉันบ้างมั้ยเนี่ย คงจะมีฉันคนเดียวละมั้ง (เข้าข้างตัวเองจัง)

          “อ่อ! ลืมแนะนำตัวไป ฉันนี่มันแย่ชะจริงเลยน่ะค่ะ อินธิรา น่ะค่ะ ^-^ เรียกอินก็ได้ค่ะ”

          ฉันเอามือข้างขวาตบหัวตัวเองเบาๆ แล้วแลบลิ้นออกมา ฉันหันเก้าอี๋ไปหาเขาแล้วพูดประโยคๆ นั้นออกมา แต่ไม่มีเรียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก TTOTT เฉยชาเกินไปแล้วน่ะ ฮือ ฮือ ใจร้ายจัง เขาไม่ยิ้มเลยแฮะ คุยกับฉันก็คำสองคำ แต่ก็ช่างเหอะยังไงเขาก็รู้จักชื่อฉันไปแล้วล่ะ

          ตลอดการทำงานเขาไม่พูดอะไรกับฉันเลยซักคำทั้งๆ ที่ฉันอยากรู้จักชื่อของเขาใจจะขาดตาย ตอนหนึ่งทุ่มฉันออกไปจากห้องทำงานเพื่อไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องทำงาน ห้องน้ำอยู่ทางด้านด้ายซ้ายมือของห้องทำงาน อ่า... ฉันเลิกงานสองทุ่ม อืดดดดด เมื่อยชะมัดเลย ฉันยืดอยู่หน้ากระจกแล้วบิดขี้เกียด ฮ้า... ในห้องทำงานหนาวชะมัดเลยไม่รู้ว่าเขาไม่หนาวบางเลยหรอไงน่ะ

          ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน ที่ยังเปิดไฟสว่างอยู่ในห้อง ฉันเปิดประตูเบาๆ (กลัวเขาดุ) เข้าไปในห้อง แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะของฉันช้าๆ ฉันนั่งลงแล้วหันไปมองเจ้านายของฉัน ^O^ หลับไปซะแล้วซิ แหมน่าสงสารจัง ฉันถอดเสื้อนอกสีน้ำเงินเข้มของฉันออกแล้วคลุมตัวให้เขา -^-^- เขินจัง แต่แอร์ในห้องก็ยังหนาวไม่เปลี่ยนคนที่หนาวตอนนี้คงไม่ใช่เขาหรอก คงเป็นฉัน TTOTT ก็ฉันถอดเสื้อนอกให้เขาไปแล้วนี่ ตอนนี้ก็เหลือแต่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนเท่านั้น

          ฉันเอาแต่จับจ้องที่นาฬิกา ที่ติดผู้บนฟ้าผนังหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายฉัน อ่อ...ลืมบอกไปว่าฉันเป็นผู้ช่วยเขา อีกห้านาทีเท้านั้นฉันจะหลุดพ้นออกมาจากความหนาวเหน็บ (อย่าสงสัยว่าทำไมไม่ลดความเย็นแอร์ ก็ฉันหารีโมตไม่เจอนะซิ TTOTT) ฉันเตรียมพร้อมที่จะเดินออกจากห้องเมื่อนาฬิกาเข้มยาวตรงกับเลขสิบสอง ฉันเอาเอกสารบางส่วนกลับไปบ้านด้วย อ๊าย เวลาแห่งสวรรค์มาแล้ว ฉันไม่รอช้าถือกระเป๋าของฉันแล้วกระโดดออกจากห้องทันที แต่เจ้านายของฉันก็ยังหลับอยู่แบบนั้น เสื้อของฉันคงช่วยได้เนอะ อ่า...สบายใจจัง

          ฉันเดินออกมาจากที่ทำงานแล้วขึ้นรถเมล์กลับบ้าน รถเมล์คนเยอะเป็นบ้าเลยเบียดไปเบียดมาอยู่นั้นแหละ โว้ย! วันอะไรของฉันว่ะเนี่ย TTOTT

          หลังจากที่ฉันลงมาจากรถเมล์ที่มีคนเบียดเสียดกันแน่นรถแล้ว ก็เดินเข้าบ้านด้วยผมที่ยุ่งเหยิงพร้อมกับเอกสารที่ถืออยู่เต็มมือ ฉันล้มตัวลงบนเตียงและเอกสารที่อยู่ในมือก็หล่นลงไปกองเต็มพื้นห้อง เฮ่อ~ เมื่อยชะมัดเลยว่ามั้ย  

          ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดทีวี ที่อยู่ปลายเตียงแล้วก็ก้มลงเก็บเอกสารที่หล่นอยู่เต็มพื้น (แล้วฉันจะทำมันหล่นทำไมเนี่ย -_-) จัดเอกสารแล้วกองมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ฉันที่เหนื่อยล้าเดินเข้าห้องน้ำแล้วเริ่มเปิดน้ำที่เย็นสบายจับใจอาบอย่างสบายใจ

          ยี่สิบนาทีต่อมาฉันเดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวหนึ่งพื้นที่พันอยู่รอบตัว กับผ้าเช็ดผมผืนเล็กๆ เข้าชุดกันกับผ้าเช็ดตัว ที่ฉันกำลังใช้ผ้านั่นเช็ดผมเปียกๆ ของฉันอยู่ ฉันนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกใบใหญ่ตั้งอยู่ และเช็ดผมต่อไปเรื่อยๆ ฉันหยิบไดร์ฟเป่าผมออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบมันขึ้นมาเป่าผมเปียกๆ ของฉันจนแห้ง ฉันบิดขี้เกียจด้วยชุดนอนสีชมพูอ่อนก่อนที่จะนอนลงบนเตียงนุ่นๆ ให้ห้องแคบๆ ของฉัน ฉันค่อยๆ หลับตาลงและทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดสนิท

          เช้าวันรุ่งขึ้น...
          อ๊าย ฉันสายแล้วน่ะ นี่มันกี่โมงแล้ว เจ็ดโมงงั้นหรอ TTOTT ฮือ อีกหนึ่งชั่วโมง ฉันที่พึ่งลืมตาตื่นขึ้นก็รีบลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที ฉันออกมาอีกสิบนาทีต่อมา... แล้วเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน อ๊ะ! เสื้อคลุมแขนยาวอยู่ที่ทำงาน ไปใส่ที่โน้นก็ได้ โธ่ๆ ฉันสายมากแล้ว ฉันรีบวิ่งลงมาพร้อมกับเอกสารที่เอามาเมื่อคืนแล้วโบกรถแท็กซี่คันแรกที่เร็วแล้วฉันก็ก้าวเข้าไปในรถ รถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาหลังจากที่คนขับรถแท็กซี่ได้ยินเสียงปิดประตูของฉัน

          เฮ่อ~ เหนื่อยชะมัดเลย ฉันวิ่งหน้าตาตื่นไปที่ห้องทำงานเล็กๆ แต่มันคือสำนักงานใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา O.O ฉันจะโดนว่ามั้ย TTOTT ฉันเปิดประตูห้องแล้วค่อยๆ แง้มมันออกทีละนิดๆ เฮ่อ~ หัวหน้ายังไม่มา ฉันเปิดประตูจนอ่าสุด O.O เขานั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาแล้ว ฉันเดินเข้าไปอย่างหน้าตึงๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี๋ของฉัน

          “เธอมาสาย”

          “แค่สองนาทีเองน่ะค่ะ”

          “...”

          ฉันหันเก้าอี้มามองหน้าฉันอย่างเฉยชา TTOTT รู้มั้ยยั่ยมันน่ากลัวน่ะ

          “อะ...เอ่อ เอ้อ รู้มั้ยค่ะว่าวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ เป็นวันอะไรเอ่ย ^-^”

          ฉันเอ่ยปากถามคำถามบ้าๆ บอๆ ออกไป ตายแล้ว เขาจะโกรธมั้ยน่ะ

          “ถามอะไรโง่ๆ ก็วันธรรมดานะซิ”

          “ตุด ตุ๊ด ผิดค่ะ”

          “O.O”

          “เป็นวันเว้นวันยังไงเล่า”

          ฉันพูดพลางยกนิ้วชี้ขึ้น แล้วส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง เขามองหน้าฉันแปลกๆ เหมือนเขาจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม เสื้อยิ้มยากซะจริงเลยน่ะ

          “เรียกฉันว่า แซม”

          เขาพูดห่วนๆ แล้วหันกลับไป O.O เขาบอกชื่อของเขาแล้ว ^-^ เขาค่อยๆ ซึมซับในสิ่งที่ฉันเป็นที่ละนิดแล้วละซิน่ะ เขาค่อยๆ ยอมรับฉันแล้ว ^-^ ดีใจจังเลย ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกก็ได้ที่ได้ทำงานกับลูกชายของเจ้าของบริษัทเนี่ย

          “เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของเธอ อันนี้งานของวันนี้”

          เขายื่นแฟ้มๆ หนึ่งให้ฉันแล้วหันกลับไป แต่ดูงานบนโต๊ะของเขาซิ พนันได้เลยว่าถ้าต้องทำให้เสร็จคืนนี้เขาไม่ต้องเป็นอันกินอันนอนแน่ๆ เลย ฉันยังคงนั่งยิ้มต่อไป

          “หมดเวลายิ้มแล้วทำงานซะ”

          เขามองฉันอยู่งั้นหรอ ฉันหันกลับไปมองเขาอีกครั้งแต่เขาหันไปซะแล้ว -^-^- เขินจังเลย อายุยี่สิบห้าแบบฉันมาเจอเรื่องดีๆ แบบนี้ก็ดีขนาดไหนแล้ว เฮ่อ~ สาวๆ ที่ไหนจะโชคดีแบบฉันบ้างละเนี่ย

          อึ้ย แต่ว่ามันหนาวชะมัดเลย ทำไมเขาไม่หนาวบ้างรึไงน่ะ ฉันเอามือข้างซ้ายลูบแขนข้างขวาที่ทำลังเขียนหนังสือลงแฟ้มอยู่

          “ของเธอไม่ใช่หรอ เอาคืนไปซิ”
          
          เขายื่นเสื้อตัวนั้นมาให้ฉันโดยที่มือหนึ่งของเขาจับปากกาไว้แน่น ฉันหันกลับไปมองเมื่อเขาพูดขึ้น ฉันเอื้อมมือไปหยิบเสื้อของฉันที่ฉันห่มให้เขาเมื่อคืน ที่ตอนนี้อยู่ในมือของเขา แต่มือสั่นๆ ของฉันก็หยิบเสื้อไว้ได้ แต่ว่า...ด้วยความซุ่มซามของฉัน ฉันจับโดนมืออุ่นๆ ของเขาด้วยนะซิ >.< เขาจะว่าฉันมั้ยเนี่ย เขาดึงมือกลับไปโดยไม่หันกลับมามองฉันหรือต่อว่าฉันเลยซักนิด ฉันอมยิ้มเล็กๆ อีกครั้ง ^-^

          “ขอบคุณน่ะ”

          ฉันพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วใส่เสื้อตัวนั้นทับเข้าไปอีกชั้น และเริ่มลงมือทำงานของฉันอีกครั้ง ครั้งนี้อุ่นขึ้นเยอะเลยแหะ ^-^

          สองทุ่มแล้วแหะยังไม่มีที่ท่าเลยว่าเขาจะทำงานเสร็จ เขาลุกขึ้นไปปิดไฟตอนนี้ที่มีแสงสว่างหลงเหลืออยู่ก็มีแค่ ไฟบนโต๊ะทำงานของฉันกับเขาแค่สองดวงเท่านั้น ฉันลุกขึ้นยืนพลางเอามือกอดอก แล้วเดินเข้าไปข้างในอีกนิด เพราะตรงนั้นเป็นที่ชงกาแฟ ถ้าไม่มีที่ท่าว่าเขาจะทำงานเสร็จ ถ้าเราชงกาแฟอุ่นๆ ให้เขาก็คงดีเนอะ

           ฉันชงกาแฟให้เขา แล้วถือแก้วเล็กๆ สีขาวที่มีกาแฟอยู่เต็มแก้วมาพร้อมกับจานรองแก้วเข้าชุดกัน ฉันวางมันไว้บนโต๊ะข้างๆ แขนข้างขวาของเขาที่เขากำลังเขียนตัวหนังสือลงบนแฟ้มแต่ละแฟ้มอยู่ เขาเงยหน้ามองฉัน ที่ยืนยิ้มให้เขา

          “ขอบคุณน่ะ”

          “-^-^- ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคงขอบคุณอะไรกันค่ะ มันเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยอย่างฉันไม่ใช่หรอ”

          “...”

          เขาไม่พูดอะไรแล้วยกแก้วขึ้นจิบกาแฟที่ฉันชงให้เขาเมื่อครู่นี้ ฉันส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง (ถึงเขาจะไม่ได้มองฉันก็เหอะน่ะ) แล้วฉันก็เดินไปหยิบกระเป๋าของฉันที่อยู่บนโต๊ะทำงานของฉันที่อยู่ห่างจากเขาไม่มากนัก แล้วเปิดประตูออกจากห้องไป วันนี้ทำไมฉันมีความสุขจังหรือว่าฉันเพ้อเจ้อไปเองน่ะ เออ...แต่ช่างมันเถอะ ฉันก้าวขึ้นรถเมล์อีกครั้ง TTOTT มันเบียดแบบนี้เหมือนทุกๆ วัน น่าสงสารตัวเองจริงเชียวเมื่อไหร่ฉันจะมีรถขับกับเขาบ้างน้า คงชาติหน้า

          ฉันถึงห้องตอนสามทุ่ม ฉันคงไม่เปิดทีวีแล้วละ อาบน้ำแล้วนอนเลยดีกว่า ว่าแล้วฉันก็วิ่งเข้าห้องน้ำ ^O^ โฮ่...มีความสุขชะมัดเลย ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันน่ะ ฉันออกมาจากห้องน้ำในเวลาต่อมา วันนี้ฉันใส่ชุดนอนของตัวเมื่อวาน (ชุดนอนมันไม่สงปรกซะหน่อยใส่ซ้ำได้ ฮ่า ฮ่า) แล้วนอนลงบนเตียงนุ่มๆ ฉันค่อยๆ ปิดตาลงอีกครั้ง แล้วก็ผล็อยหลับไป

          ‘ลา ล่า ล้า ลา ลา ลัล ละ ลา ลา’
          ห๊ะ! โทรศัพท์ โทรศัพท์ของฉันอยู่ไหน ฉันคว้าหาโทรศัพท์ไปทั่ว TTOTT มันอยู่ไหนของมันน่ะ บนโต๊ะข้างเตียงๆ ฉันคว้าทันทีที่นึกขึ้นได้

          “ฮาโหล”

          ฉันพูดด้วยเสียงงังเงีย

          “เธอ...จะไม่ไปทำงานหรอไง”

          “O.O ห๊ะ ไปค่ะไป ไปซิค่ะ”

          ฉันตาโตขึ้นทันที ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะอาบน้ำอย่างไม่ลังเล

          “ฉันสายหรอค่ะ หัวหน้างั้นเดี๋ยวฉันวางก่อนน่ะค่ะ”

          ฉันโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียง แล้วถอดเสื้อออก แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

          “ค่ะ?”

          “ไม่ต้องรีบหรอก ฉันรออยู่ข้างล่างน่ะ”

          “อะไรน่ะ!”

          “ฉันรออยู่ข้างล่าง แค่นี้แหละ”

          เขาตัดสายโทรศัพท์ทิ้งเขารอฉันอยู่ข้างล่างงั้นหรอ TTOTT ยัยผู้หญิงงี่เง่า ฉันเดินไปเกาะที่กระจกห้องแล้วเปิดม่านออก O.O บีเอ็มสีดำซีรี่ส์ห้า ห๊ะ เขามาจริงๆ ฉันรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่งหน้าที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วเปลี่ยนชุดทำงาน หยิบกระเป๋าแล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่าง ฉันมาหยุดอยู่ตรงหน้ารถบีเอ็มคันงามของเขา เขาเปิดกระจกลง

          “ขึ้นมาซิ นั่งข้างฉัน”

          “คะ...ค่ะ”

          ฉันรีบวิ่งไปอีกข้างหนึ่งของคนขับแล้วนั่งลงข้างเขา เขาออกรถไปเมื่อปิดประตู ฉันกับเขานั่งนิ่งเงียบตลอดการเดินทาง จนมาถึงที่ทำงาน

          “นี่เป็นการขอบคุณสำหรับกาแฟเมื่อคืน”

          เขาจอดรถไว้ที่จอดรถที่อยู่บนอาคาร เขาพูดโดยไม่มองหน้าฉัน แล้วลงจากรถฉันเดินตามเขาลงไปอย่างอึ้งๆ แล้วเขาก็ล็อคประตูด้วยรีโมต เขาขึ้นลิฟต์ไปพร้อมๆ กับฉันและในลิฟต์ก็ไม่มีการพูดคุยใดๆ เช่นกัน จนถึงในห้อง ฉันกับเขาก็ไมได้พูดอะไรกัน รู้สึกอึดอัดจริงเชียว

          “หัวหน้าค่ะ ^-^ แล้วม้าอะไรเซ็.กซี่เอ่ย”

          ฉันหันเก้าอี๋ไปทางเขา เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาเขียนงานลงแฟ้มอย่างเคย

          “ม้าไม่ใส่เสื้อผ้ารึไง”

          “ตุด ตุ๊ด ผิดค่ะ ^-^”

          “แล้วม้าอะไรละ”

          “ม้าจาเลดุ่ม ม้าจาเลดุ่ม”

          หัวหน้านิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร TTOTT แย่ชะมัดเลยประโยคที่ฉันพูดขึ้นไปมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ TT^TT โอเคแล้ววันหลังฉันจะไม่ถามอีก ฉันก้มหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วทำงานของฉันต่อไป

          น่าเบื่อจังห้องทำงานเงียบอย่างกับป่าช้าเลย ฉันเอื้อมมือไปหยิบปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันขึ้นมาดู เฮ่อ~ เดือนกุมภาพันธ์ วันนี้วันพฤหัส สิบสามกุมภา วันที่สิบสามกุมภา O.O พรุ่งนี้ก็สิบสี่นะซิ วันวาเลนไทน์ ว่าเลนไทน์งั้นหรอ *-*

          วันนี้สองทุ่มเป๊ะ ตอนที่หัวหน้านอกไปจากห้องฉันก็รีบไปชงกาแฟแล้วเอามันวางไว้บนโต๊ะของเขา แล้วฉันก็ออกมาจากห้องเพื่อจะมุ่งหน้าไปซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ให้เขา ^-^ เขาจะดีใจมั้ยเนี่ย ฉันนั่งรถเมล์มาลงที่ห้างแล้วเดินเข้าไปเลือกซื้อของขวัญให้เขา ให้เขา ให้เขา -_- แล้วเขาชอบอะไรละ ฉันมันงี่เง่าซะจริงทำไมถึงไม่ถามเขาน่ะ ยัยโง่ บ้าจริงเลยฉันเนี่ย ฉันเดินไปแผนกเครื่องเขียนแล้วมองหาปากกาที่เหมาะกับตัวของเขา ฉันเล็งไว้ที่ปากกาหมึกซึมตรงโน้นอันนึง

          “พี่ค่ะ อันนี้แท่งละเท่าไหร่ค่ะ”

          ดูพนักงานซิมองฉันด้วยสายตาที่ยีย้ำและย้ำยีฉันซะจริง

          “น้องมีเงินเท่าไหร่ล่ะ”

          “O.O แล้วพี่จะขายมั้ยละ ถ้าไม่ขายจะได้ไปหาร้านอื่นที่ไม่มีพนักงานปาก เอ่อ ปากแบบเนี้ยค่ะ”

          ฉันบอกพนักงานคนนั้น อีพนักงานคนนั้นฟืนยิ้มให้ฉันแล้วบอกว่า

          “แท่งนี้หรอน้อง ห้าพัน”

          “O.O...”

          ฉันที่กำลังจะอ้าปากพูดคำว่า ‘ห๊ะ! อะไรน่ะ’ ก็ต้องหุบปากลงแล้วพูดคำที่ตรงกับข้ามกับความคิดของตัวเองออกไป TTOTT

          “เอาแท่งนี้ค่ะ ห้าพันใช่มั้ย”

          ฉันควักเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ รู้มั้ยตอนนี้เหมือนกับกระเป๋าของฉันถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ เหมือนกระเป๋าไม่ได้กินน้ำมาตลอดหนึ่งเดือน (กระเป๋าแห้ง) TTOTT นั่นเงินเดือนของฉันทั้งหมดที่เหลือให้ใช้ในเดือนนี้น่ะยัยบ้า แต่มันสายไปซะแล้วฉันยื่นแบงก์พันออกไปห้าใบ TTOTT ซะแล้ว สมองข้างที่สั่งการมันสั่งการช้าไป ฮือ ชีวิตที่แสนเศร้า

          พนักงานจ้องมองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าฉันจะมีเงินเยอะมากมายขนาดนั้น ยัยบ้านั่นคงคิดว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายละซิน่ะเหอะ แต่ก็จริงของมัน TTOTT พนักงานรับเงินของฉันไป อีกสิบนาทีต่อมา ยัยบ้านั่งส่งยิ้มหวานให้ฉันอย่างนอบน้อมแล้วยื่นปากกาหมึกซึมสุดแพงอันนั้นมาให้ฉัน ดีอย่างที่ยัยบ้านี่ห่อให้ฉันเสร็จสับ ฉันนั่งรถเมล์กลับบ้านอย่างอ่อนแรงเพราะเงินของฉันปลิวหายไปในอากาศห้าพันบาท แต่ยังดีน่ะที่ฉันยังพอมีเงินติดตัวอยู่อีกสองพันไม่งั้นค่าน้ำค่าไฟไม่ต้องจ่ายกันพอดี

          เช้าวันรุ่งขึ้น...
          ฉันตื่นขึ้นแต่เช้าเพราะฉันจะต้องไปที่ทำงานให้ถึงก่อนหัวหน้าให้ได้ ฉันรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าตรงไปที่ทำงานของฉันอย่างว่องไว

          ที่ทำงาน...
          ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วปิดประตูทันทีที่เข้าไปถึงในห้อง ฉันมองหาที่ซ่อนของขวัญ... นั่นไงในแฟ้ม ฮ่า ฮ่า มันอาจจะเป็นวิธีที่โง่ แต่มันก็ซ่อนได้ดีจริงมั้ย ฉันวางปากการาคาห้าพัน TTOTT ที่ฉันซื้อให้เขาไว้ในแฟ้ม เฟ้มมันเลยดูโปร่งผิดปกติ ฮ่า ฮ่า ตลกจัง ฉันที่รอหัวหน้าว่าเมื่อไหร่จะเข้ามาซะทีก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัวเพราะแอร์ที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันเริ่มง่วงนอน แต่ฉันก็สะดุ้งตื่นในเวลาต่อมา

          แกร๊ก!
          ประตูเปิดแล้ว ฉันทำเป็นนั่งทำงานไปแล้วไม่สนใจอะไร พอหัวหน้านั่งลงบนโต๊ะฉันก็แอบเหลือบมองเล็กน้อย หัวหน้าที่เห็นของขวัญวางอยู่บนโต๊ะก็หันกลับมามอง ฉันลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามองไปบนเพดาร

          “เอ...ไปห้องน้ำดีกว่าน้า”

          ฉันเอานิ้วชี้แตะที่ปากแล้วเดินออกไปจากห้อง หน้าของหัวหน้าแดงด้วย อ่า...เยสในที่สุดหัวหน้าก็แสดงอารมณ์กับเขาเป็นซะที ฮ่า ฮ่า ดีใจจังเลย -_- แล้วเข้าไปจะทำตัวยังไงดีละเนี่ย ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง เขายังก้มหน้าก้มตาเขียนเหมือนเดิม ฉันยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของฉันอีกครั้ง ฉันเปิดแฟ้มของฉันออก

          “O.O ดอกไม้ของใครเนี่ย -^-^- ฮิฮิ น่ารักจังเลยน่ะ”

          ฉันหันกลับไปมอง เขาที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือลงในแฟ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเขาเลย ฉันหยิบดอกไม้ขึ้นมา แล้วมีกระดาษใบหนึ่งตกลงมาจากดอกไม้ดอกนั้น ฉันเลยอ่านเสียงดังลั่นห้องเลย

          “ขอบคุณน่ะสำหรับ ปากกา ไม่คิดเลยว่าจะได้ของจากเธอ แล้วดอกไม้นั่นมันเทียบไม่ได้กับราคาของปากกาที่เธอซื้อให้ฉันเลย ฉันมันแย่จังเลย ขอบคุณน่ะสำหรับทุกอย่าง แล้วก็ไอ ม้าจาเลดุ่ม นั่นนะฉันนะขำจนแทบบ้าเลยรู้รึเปล่า เธอนะ น่ารักจังเลยน่ะ”

          ฉันอ่านเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าคำสุดท้ายนี่ซิ >///< เขาชมเราด้วย เขาหน้าแดงมากเลยแหละ เขินจังเลย เขินที่สุดเลย อ๊าย เขินๆ

          “อย่าอ่านเสียงดังนักซิ”

          เขาพูดขึ้นแล้วหันเก้าอี๋มามองหน้าฉัน เขายิ้มให้ฉันด้วย ครั้งแรกเลยน่ะเนี่ยแล้วยังหน้าแดงอีก

          “ขอบคุณน่ะ ปากกานะ”

          “เปลี่ยนจากคำว่าขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”

          “อะไรล่ะ?”

          “ก็นี่ไง...”

          “O.O”

          เขาถึงกับอึ้งไปเลยเพราะฉันหอมแก้มเข้าไปนะซิ น่ารักแบบนั้นใครจะอดใจไหว หน้าด้านจริงเชียวฉันเนี่ย เขินเขินเขินโครตเขินเลย เขาเอามือข้างซ้ายจับแก้มข้างซ้ายของเขาไว้ หน้าของเขาแดงก่ำแลยละเขาหมุนเก้าอี้หันกลับไป แล้วเขาก็วางหน้าของเขาไว้บนโต๊ะพลางกำปากกาที่ฉันซื้อให้ไว้ในมือข้างขวาแน่น

          “ไม่ล้างหน้าดีกว่า”

          “ห๊ะ!”

          “เปล่า เธอก็ทำงานไปซิ”

          “แหมดุจังเลยน่ะ”

          ฉันก็นั่งทำงานของฉันต่อไป ฉันเดินไปที่ๆ ชงกาแฟแล้วหยิบแก้วขนาดสูงขึ้นใบมาใส่น้ำ แล้วดึงดอกไม้ออกมาจากที่ห่อแล้วเอามันไปแช่ในน้ำ ที่อยู่ในแก้วใบนั้น ชื่นใจจังเลยน้าทำงานไปมีดอกไม้ดูไปเนี่ย เฮ่อ~ มีความสุขที่สุดเลย ^-^

          สองทุ่มแล้วซิ วันนี้เขาทำงานเสร็จแล้วแฮะ เขาไปไหนน่ะห้องน้ำหรอ กระเป๋าก็ยังไม่ได้เอาไป ไหนดูหน่อยซิ มีอะไรบ้าง (นิสัยชั่วเริ่มออก) ฉันเปิดกระเป๋าใส่เอกสารของเขาออก กระดาษเอสี่เต็มเลยไหนดูซิเขียนอะไรไว้บ้าง ฉันหยิบมันขึ้นมาแผ่นนึง

          O.O รูปฉันนี่ แผ่นอื่นละ แผ่นนี้ก็รูปฉัน รูปฉัน อันนี้ก็ใช่ อันนี้ละ รูปฉันหมดเลย เขาวาดเองด้วย โห...สวยมากเลยวาดสวยกว่าตัวจริงซะอีก เขาแอบวาดรูปฉันตลอดเลยหรอ TTOTT ฉันหยิบมันขึ้นมาดูทีละแผ่น

          แกร๊ก!
          ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่ประตู เขายืนทำตัวแข็งทื่ออยู่ที่หน้าประตูนั่นเมื่อเห็นฉันถือรูปที่เขาวาดเอาไว้อยู่ เขาก้มหน้าแล้วเกาศีรษะ แล้วเขาก็ปิดประตู้ช้าๆ แล้วเดินมาทางฉัน

          “มันไม่สวยเท่าไหร่”

          “สวยมากเลย สวยที่สุดเลยสวยจริงๆ น่ะ”

          ฉันลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้าเขา

          “หลับตาซิ้”

          เขากระซิบข้างหูฉันเบาๆ แล้วฉันก็ค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ไม่นานเท่าไหร่นัก ฉันก็สัมผัสได้ถึงริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเขา กับลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่กระทบบริเวณเหนือริมฝีปากของฉันเล็กน้อยในทุกครั้งที่เขาหายใจออก อ่อนนุ่มที่สุดมันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกถูกแอร์ที่ทำให้ฉันหนาวอยู่ทุกๆ วันแต่ตอนนี้ความหนาวนั่นมันกลับหายไปหมด เหลือเพียงความอบอุ่นอยู่ตรงหน้าฉันเท่านั้น

          เขาขอไปส่งฉันที่บ้าน เราเป็นแฟนกันแล้ว >///< ดีใจจังเลย ฉันดีใจมากเลยตอนที่ฉันเห็นเขายิ้มให้ฉัน แล้วปากกาที่ฉันซื้อให้เขาก็ยังเอาติดตัวไว้ตลอดอีกตัว

          หลังจากวันนั้นพวกเราทั้งสองคนก็ได้เป็นเป็นกัน เราก็ทำเหมือนคู่รักทั่วๆ ไปที่ไปนั่งดูหนังซื้อป๊อปคอนเข้าไปกิน นั่งเล่นกันที่สวนสาธารณะ ร้องเพลงคาราโอเกะ ไปเที่ยวกันทุกๆ วันหยุด พวกเราสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ แล้ววันนึงเขาก็พาฉันไปที่บ้าน >///<

          ที่บ้านแซม...ในห้อง...

          “ห้องของแซมใหญ่จังเลยน่ะ แล้วก็บ้านด้วย ห้องของฉันเทียบไม่ติดเลยแหละ TTOTT”

          “มันไม่สำคัญหรอก ถึงเธอจะเป็นยังไง”

          เขาก้มลงจูบหน้าพากของฉันเบาๆ

          “ทำไมแซมถึงไม่เคยให้ฉันกอดเลยละ”

          ฉันพูดขึ้นพลางจับหัวไหล่ของเขาทั้งสองข้าง

          “...”

          เขาเดินหันหลังให้ฉันแล้วทำทีท่าว่าจะเดินเข้าห้องน้ำ เขาไม่เคยให้ฉันกอดเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว TTOTT ฉันอยากกอดเขามากๆ เลยน่ะ เอาละวันนี้แหละว่ะขอกอดหน่อยแล้วกัน ฉันที่เดินตามเขาเข้าห้องน้ำไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่พอฉันมารู้สึกตัวอีกทีฉันก็ลื่นล้มลงในห้องน้ำแล้วมือทั้งของข้างของฉันก็ได้สัมผัสหลังของเขาเข้าแล้ว เขาที่ช่วยฉันไม่ให้ฉันล้มลงกระแทกพื้น ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องน้ำแล้วไปนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
          
          “หลังของแซมเป็นอะไร”

          ฉันถามขึ้นแล้วเดินตามเขาออกมา เขาไม่ตอบอะไรฉัน

          “ฉันขอดูได้มั้ย”

          เขาส่ายศีรษะให้ฉัน แล้วยังก้มหน้าลง

          “ฉันขอดูหน่อยเถอะน่ะ”

          เขายังคงส่ายศีรษะแบบเดิมแล้วไม่มองหน้าฉันเลยแม้แต่น้อย

          “ให้ฉันดูเถอะ”

          ฉันเดินไปหาเขาแล้วถลกเสื้อของเขาขึ้นอย่างแรง เขาพยายามขืนไว้แต่เพราะแรงของฉัน ฉันถึงได้เห็นแผ่นหลังของเขาอย่างเต็มตา เขาปัดมือทั้งสองข้างของฉันที่จับเสื้อของเขาไว้ออกอย่างแรง

          “กลัวหรอว่าฉันจะรังเกลียดมัน”

          แผ่นหลังของเขามันเหมือนเป็นร้อยถูกไหม้ มันไม่เสมอกันเป็นตะปุ่มตะปั่ม ถ้าเป็นคนอื่นหรอคงจะขยักแขยงน่าดูเลยละ  ฉันเดินมายืนตรงหน้าเขาที่นั่งอยู่ปลายเตียง

          “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ฉันคิดมาตลอดเลยว่าทำไม คุณถึงไม่เคยให้ฉันกอดเลย เพราะกลัวฉันสัมผัสถูกมันใช่มั้ยล่ะ”

          ฉันเอาหน้าผากของฉันวางบนศีรษะของเขา

          “เพราะกลัวละซิน่ะถ้าเป็นคนอื่นก็คงหนีออกห่าง แล้วถ้ายิ่งเป็นคนรักแล้วละก็...ก็คงกลัวเสียเขาไปใช่มั้ยละ โอ๋...ไม่ต้องกลัวแล้วละน่ะ ถึงคุณจะเป็นยังไงฉันก็รักคุณค่ะ ฉันดีใจน่ะค่ะที่ได้พบคุณและได้รักคุณ ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ คุณค่ะ ฉันดีใจมากน่ะค่ะ ฉันรักคุณค่ะ”

          น้ำตาของเขาไหลรินอาบแก้ม

          “ฉันทำคุณร้องไห้หรอ อย่าร้องซิ TTOTT เดี๋ยวฉันร้องตามหรอกน่ะ ขอกอดหน่อยได้มั้ย”

          เขาพยักหน้าเบาๆ ให้ฉัน น้ำตาของเขาที่ยังไหลออกมาไม่หยุดก็ยังไหลอยู่แบบนั้น ฉันโผเข้ากอดเขา

          “อบอุ่นจังเลย ^-^ หยุดร้องได้แล้วน่ะ”

          นี่คงเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาร้องไห้ เขาร้องไห้เหมือนเด็กๆ เลยแหละ  เขาเอาหน้าของเขามาซบที่ไหล่ข้างซ้ายของฉันแล้วร้องไห้ต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้เสื้อของฉันเปียกหมดแล้วละ -_- แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ก็เขาเป็นแฟนที่ฉันรักที่สุดนี่น่ะ

          ความรักของเราดีขึ้นตามลำดับ เขายิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น พูดคุยมากขึ้น แล้วเขาขอฉันแต่งงาน TT^TT ขอฉันแต่งงานแล้วล่ะ ฉันตอบตกลงทันที แล้ววันนี้แหละที่เขาจะพาฉันไปพบพ่อแม่ของเขาแล้วพวกกับพวกท่านว่าพวกเราจะแต่งงานกัน

          ในรถ...

          “นี่ ขอฉันขับบ้างเถอะน่ะ”

          “ไม่เอา เธอรู้ทางหรอไง”

          “คุณก็บอกทางฉันซิค่ะ”

          “อะๆ ตามใจเธอ...แต่ต้องจอดที่ปั้มน้ำมันข้างหน้าก่อนน่ะ”

          “อื้ม v^-^v”
          
          เขาขับรถต่อไปเรื่องๆ จนมาถึงปั้มตอนนี้พวกเราขับมาอยู่ที่ชานเมืองแล้ว เพราะพ่อกับแม่ของเขามาคุ้มงานที่นี่ รถที่นี่เลยไม่ค่อยมีเท่าไหร่ฉันเลยกล้าขับยังไงละ เขาจอดที่ปั้มข้างหน้าแล้วแลกกันนั่ง คราวนี้ละที่ฉันเป็นคนขับ

          “ออกรถละน่ะ”

          “อืม เธอนะ ขาดเข็มขัดด้วย”

          “แน่นอนอยู่แล้ว”

          ฉันขาดเข็มขัดตามที่เขาบอกแล้วออกรถไปอย่างช้าๆ ความเร็วสี่สิบ -_- ช้าจริงๆ น่ะ ก็คนมันไม่ชอบความเร็วทั้งๆ ที่ถนนอกจะโล่งโจ้งขนาดนั้น

          “ขับเร็วกว่านี้ไม่ได้หรอ”

          “ไม่ละ ก็ฉันชอบแบบนี้นี่ค่ะ”

          ฉันส่งยิ้มให้เขา แล้วขับต่อไปเรื่อยๆ ฉันมองเร็วรถบรรทุกคันหน้าที่อยู่ไกลๆ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ -_- ฉันยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับต่อไปเรื่อยๆ O.O รถบรรทุกคันนั้น ทำไมขับรถแบบนั้นละ

          “ระวังน่ะ รถบรรทุกคันนั้นดูแปลกๆ”

          เขาพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงฉัน

          “อืมน่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นห่วงน่ะ”

          ฉันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับต่อไป ฉันขับเข้าไปใกล้รถบรรทุกที่ขับสวนเข้ามาทีละนิดๆ มีความรู้สึกว่าทำไมถนนมันแคบลงน่ะ

          “เฮ้ย! ระวัง อินระวังน่ะ”

          โอ๊ย!!! ให้ตายซิ เขาเรียกชื่อฉันเป็นครั้งแรก เขาที่หน้าตาตื่นแต่ฉันที่กำลังดีใจก็... โครม!!!!! รถกลิ้งไหลลงข้างทาง ฉันที่เห็นเหตุการณ์อยู่ทุกวินาที ฉันไม่เป็นไรเลยเพราะอะไรนะหรอ เพราะเขาปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาแล้วเอาตัวของเขาบังกอดฉันไว้แน่น เศษกระจกที่กระจัดกระจายอยู่เต็มรถไม่สะกิดโดยตัวฉันเลยแม้แต่น้อย

          “แซม เป็นอะไรรึเปล่า แซม TT^TT แซม แซม อย่าเป็นอะไรน่ะ แซม TTOTT ฮือ ฉันรักคุณน่ะค่ะ แซมคุณอย่าเป็นอะไรน่ะ แซม!!!”

          ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือของฉันเรียก 191 ให้มาหาตรงที่ๆ ฉันอยู่

          “แซม แซม คุณเงยหน้ามองฉันซิ”

          “หึ...ดี...ใจ...อะไร...งั้นหรอ...แค่...ฉัน...เรียก...ชื่อเธอแค่...นั้น”

          “อย่าพูดแบบนี้น่ะ เงยหน้ามองฉันซิค่ะ ตำรวจกำลังจะมาแล้วน่ะ”

          “จะ...ให้ฉัน...เรียกชื่อเธอ...อีกมั้ยล่ะ...ฉัน...ทำ...ได้น่ะ...ฉันขอ...โทษ...อิน...อิน...จะ...ให้ฉัน...เรียก...ชื่อเธอ...อีกสักกี่...ครั้งละ”

          “อย่าพูดแบบนี้น่ะ เงยหน้ามองฉันซิ TTOTT ฮือ”

          “ยัง...มีคำพูดนึง...ที่ฉัน...ไม่เคย...ได้...บอก...เธอเลย…”

          “เอาไว้บอกตอนที่คุณออกมาจากโรงพยาบาล ตำรวจมาแล้ว”

          ตำรวจช่วยฉันกับเขาออกจากรถแล้วรีบพาเขาส่งเข้ารถพยาบาล เพราะฉันมันเป็นเพราะฉันทั้งหมดเลย ที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะฉันเลือดของเขาถึงได้อาบแก้มข้างซ้ายหมด มันเป็นเพราะฉันเองเป็นเพราะฉันคนเดียวเลย ฉันมันโง่ ฉันมันงี่เง่า แค่เขาเรียกชื่อของฉันแค่นั้น ทำไมฉันถึงได้ดีใจมากขนาดนั้น มันเป็นเพราะฉันถ้าไม่เหมอลอย ถ้าฉันไม่มัวแต่ดีใจ ฉันมันโง่ที่สุด

          น้ำตาของฉันค่อยๆ รินไหลอาบแก้มของฉันทีละเล็กละน้อยฉันสะอึกสะอื้น จากสะอึกสะอื้นเล็กๆ กลายเป็นการ้องไห้ฟูมฟายในเวลาต่อมา ฉันร้องไห้ไม่หยุด มันห้ามไม่ได้จริงๆ เพราะฉันเองฉันเอง ฉันเองที่โง่เง่าขับรถไมได้เรื่องยังทำเป็นเล่น ฉันมันงี่เง่า

          หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาเดินออกมาพร้อมกับผ้าพันแผลที่ปิดรอบตาอยู่ เขาส่งยิ้มให้ฉัน...ฉันร้องไห้อีกครั้งแล้ววิ่งเข้าไปกอดเขา

          “ฉันขอโทษ ฮือ TT^TT”

          “ไม่เป็นไร”

          ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วมองที่ผ้าพันแผลนั่น

          “ตาเป็นอะไรรึเปล่า”

          “อ๋อ เปล่าหรอกไม่ได้เป็นอะไร”

          “ไม่จริงบอกฉันมาน่ะ”

          เขาเมินหน้าหนีฉันแล้วเดินนำหน้าฉันไป

          “อย่าทำแบบนี้เลยบอกฉันมาน่ะ”

          “ไม่มีอะไรหรอก”

          “บอกฉันมาน่ะ บอกมา เพราะนั่นมันเป็นคนทำ ฉันทำน่ะบอกฉันมา”

          “ตาบอด ฉันตาบอดข้างนึง...พอใจรึยัง”

          ฉันที่จับมือของไว้แน่น ก็ยิ่งบีบมือของเขาแน่นขึ้นอีก ฉันก้มหน้าลงบนแขนข้าวขวาที่ฉันเขาไว้

          “ฉันขอโทษ...น่ะ ฮึก TTOTT ฉัน...ขอโทษ”

          เขาอุ้มฉันขึ้นแล้วเดินออกไปจากโรงพยาบาล ตายแล้วคนมองฉันเต็มเลยเพราะฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่แล้วเขาก็ยังอุ้มฉันอยู่ในอ้อมอกของเขาอีกตังหาก ฉันเป็นคนทำให้เขาตาบอด ฉันเป็นคนทำให้เขาตาบอด ฉันมันงี่เง่าโง่เง่าที่สุด ไอโง่ ไอผู้หญิงเฮงซวย

          “แต่ยังไงฉันก็จะแต่งงานกับเธอ”

          “TT^TT ฮือ”

          “เพราะฉันระ...”

          “คุณชายครับ คุณชายเป็นยังไงบ้าง นายท่านรู้เลยให้ผมมารับไปหานายท่านครับขึ้นรถเถอะครับ”

          คนรถของเขาเปิดประตูรถให้เขาแล้วเขาก็เดินทั้งๆ ที่ยังอุ้มฉันอยู่เข้าไปในรถด้วย แล้วรถก็ค่อยๆ เลื่อนตัวออกห่างจากโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อยๆ

          “เชิญลงครับ”

          ในเวลาต่อมาคนขับรถก็จอดรถแล้วเปิดประตูให้เขากับฉันได้ลงไป ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย นั่นเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย มีชายอีกคนพอพวกเราขึ้นไปบนห้องในโรงแรมนั้น เขาหยุดอยู่ที่ห้อง 1099แล้วชายคนนั้นก็เคาะประตู

          “เข้ามาเลยประตูไม่ได้ล็อค”

          เสียงชายคนหนึ่งพุดขึ้นจากในห้อง ชายคนนั้นเปิดประตูออกทำให้ฉันเห็น สิ่งที่ฉันเห็นคือมี ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนที่ดูเป็นวัยกลางคนนั่งอยู่บนชุดโซฟาชุดหรู

          “ลูกเป็นอะไรมากมั้ย”

          ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วพยายามจะจับผ้าที่พันดวงตาของเขาอยู่

          “อย่ามายุ่ง”

          เขาปัดมือของผู้หญิงคนนั้นออกไป ฉันก็ได้แต่ยืนแข็งทื่ออยู่ข้างเขาแล้วมองเหตุการณ์ที่ผ่านไปเป็นฉากๆ ฉันตาเริ่มค่อยๆ เหือดแห้งไป

          “คุณค่ะดูลูกซิค่ะ ตาของลูกเป็นอะไรไม่รู้ค่ะคุณ”

          คนที่ดูเหมือนจะเป็นแม่ของเขาพูดกับคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นพ่อของเขา แล้วพ่อของเขาก็ลุกขึ้นยืน นั่นมันทำให้ฉันกลัวมากเลยเพราะพ่อเขาท่าทางน่าดุมากเลย

          “แล้วยัยผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

          “อย่ามาเรียกเธอว่ายัยผู้หญิงน่ะ”

          “ทำไม นั่นแฟนแงงั้นหรอ”

          “แล้วผมจะบอกพ่อว่าผมจะแต่งงานกับเธอในเร็ววันนี้”

          “แล้วตาแกไปโดนอะไรมา”

          พ่อของเขาไม่สนใจเรื่องที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย

          “ผมขับรถ แล้ว...รถคว่ำ เศษกระจกบาดตาตาบอด”

          “ห๊ะ! แกว่าไงน่ะ แกตาบอดงั้นหรอ”

          “ว๊าย ลูกชายของฉัน”

          “ไม่จริ...”

          เขาเอามือปิดปากของฉันไว้แน่น เพื่อไม่ให้ฉันพูดอะไร ฉันทำฉันเป็นคนทำเองค่ะอยากจะพูดแบบนั้นที่สุดเลย

          “แต่พี่พ่อได้ข่าวมา แม่สาวน้อยเป็นคนขับไม่ใช่หรอ”

          ความเงียบปกคลุมห้องนี้เป็นครั้งแรก ฉันเลยแกะมือของเขาออกแล้วพูดออกไปเต็มปากว่า

          “ค่ะฉันเป็นคนขับ ฉันเองค่ะ”

          “เพราะเธอละซิน่ะ ตาของลูกชายฉันถึงได้ตาบอด เพราะเธอเขาเลยตาบอด เพราะเธอเป็นเพราะเธอคนเดียวรู้มั้ยมันเป็นเพราะเธอ เพราะเธอ”

          “พ่อหยุดได้แล้ว เขารู้ว่าผมเสียตาไปเขาก็ทุกข์ใจแค่ไหนแล้ว”

          ตอนนี้คำว่าเพราะเธอมันดังก้องอยู่ในห้องของฉัน ฉันที่น้ำตาเหือดแห้งไปแล้วเมื่อกี้ก็กลับเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันไหลออกมาเยอะยิ่งกว่าคราวที่แล้วอีก เสียงสะอื้นของฉันดังไปทั่วห้อง ใช่แล้วมันเป็นเพราะฉัน เพราะฉันคนเดียวใช่ มันคงเป็นเพราะฉันจริงๆ เขาดึงฉันออกมาจากห้อง เขาอุ้มฉันอีกครั้งแล้วพวกเราก็ลงไปข้างล่าง เขาเรียกรถแท็กซี่ ถึงจะเป็นในรถแท็กซี่ฉันก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุดอยู่ดี

          พอมารู้ตัวอีกทีก็เกือบอาทิตย์แล้วที่ฉันร้องไห้ไม่หยุด งานไม่ไปทำเขามาหาฉันที่บ้านทุกวัน ข้าวก็กินไม่ลง จนฉันล้มป่วย ถึงจะเป็นแบบนั้นฉันก็ยังร้องไห้ถึงฉันจะป่วยมากขนาดไหนฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด เพราะคำที่ก้องอยู่ในหัวของฉันว่า ‘เพราะเธอ มันเป็นเพราะเธอ เพราะเธอ’ ถึงเขาจะพูดว่าไม่เป็นไรยังไงฉันก็ไม่ฟัง คำว่าไม่เป็นไรมันทำให้ตาของเขากลับคืนมาไม่ได้หรอก มันเป็นเพราะฉันคนเดียว

                                                                    @ @ @ @ @ @ @ @ @

          “ผมว่าอาการของเธอหนักขึ้นทุกทีแล้วละครับ ผมทนเห็นเธอเป็นแบบนั้นอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ได้ที่ผมจะต้องเห็นเธอเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว”

          ผมพูดกับคุณหมอพลางกำกระดาษสิบแผ่นไว้ในมือ เรื่องมันก็ผ่านมาหนึ่งเดินแล้ว...แต่เธอก็ยังคงนอนอยู่บนเตียงโดยที่ผมเห็นคราบน้ำตาของเธออยู่ตลอดเวลา เธอเอาแต่โทษตัวเอง ถึงแม้ผมจะบอกเธอว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็ไม่ฟังผมเลยเอาแต่โทษตัวเอง

          “มันมีอยู่วิธีนึง...แต่ว่า...”

          “อะไรครับแต่ว่าอะไร”

          “เขาจะจำคุณไม่ได้เลยแม้แต่น้อยเขาจะจำได้แค่ เขาเคยรู้จักกับคุณเท่านั้น”

          “...แล้วทำยังไงละครับ”

          ผมเดินออมาจากห้องของนักจิตวิทยาที่ผมรู้จัก แล้วมุ่งตรงกลับบ้านของเธอ...ผมขับรถ บีเอ็มซีรี่ส์ห้าไปจอดหน้าคอนโดของเธอ ผมเดินลงมาจากรถ แล้วขึ้นลิฟต์กดชั้น17 อีกไม่นานนักประตูลิฟต์ก็เปิดอ่าออกอีกครั้ง ผมก้าวออกมาจากลิฟต์พร้อมกับกระดาษที่ผมกำอยู่ในมือสิบแผ่น ผมไขกุญแกห้องของเธอแล้วก้าวเข้าไปในห้องของเธอ

          “มาแล้วหรอ ^-^”

          เธอยิ้มให้ผมทั้งๆ ผมยังเห็นคราบน้ำตาของเธอที่เป็นรอยอยู่เต็มแก้ม

          “อะ ในมือถืออะไรมาค่ะ”

          “รูป”

          “ที่คุณวาดหรอค่ะ ไหนดูบางซิ คุณวาดสวยมากเลยน่ะรู้มั้ย”

          เธอดึงกระดาษที่ผมวาดรูปเธอลงไป ไปดูแล้วอมยิ้ม

          “คุณจะวาดสวยกว่านี้จริงมั้ย ถ้าตาของคุณไม่บอดไปข้างนึง เพราะฉันเอง”

          เธอพูดขึ้นแล้วนั่นทำให้น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มซ้ำคราบน้ำตาที่อยู่บนแก้มเธออีกครั้ง

          “TTOTT มันเป็นเพราะฉัน”

          ผมโผเขากอดเขาอย่างนุ่มนวล ผมเอามือข้างซ้ายลูบที่เส้นผมของเธออย่างอ่อนนุ่ม

          “เธอกำลังจะหลุดพ้นแล้วน่ะ มองหน้าผมซิ”

          เธอหลุดออกจากอ้อมกอดของผม เธอนั่งลงบนเตียงแล้วเงยหน้ามองผม ผมเอามือข้างขวาปิดตาทั้งสองของเธอไว้

          “กำลังจะหลุดพ้นแล้วน่ะหลับตาซะ”

          เธอหลบตาลงอย่างว่าง่าย

          “ฉันดีใจที่ได้รักคุณค่ะ ฉันดีใจมากน่ะค่ะที่ได้พบคุณ แต่ขอโทษด้วยที่ฉันไม่สามารถปกป้องคุณได้ ฉันดีใจมากค่ะที่ได้รักคุณ ฉันรักคุณมากน่ะค่ะ แซมฉันรักคุณมาก ฉันอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงก็ตาม ฉันแม้คุณจะหน้าตาน่าเกลียดหรือร่างกายจะน่าเกลียดขนาดไหน ฉันก็รับได้ค่ะ ฉันรักที่คุณเป็นคุณค่ะ ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักคุณ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้พบกันอีกน่ะค่ะ ฉันรักคุณมากน่ะแซมไม่มีใครแทนที่คุณได้ ฉันรักคุณ สำหรับฉันคุณคือสามีคนเดียวของฉันตลอดไป”

          เมื่อเธอพูดจบประโยคเธอก็ล้มลงบนเตียง ฉันตังหากละที่ไม่ได้ปกป้องเธอเลย ฉันขอโทษ คำนี้ไงล่ะที่ฉันยังไม่เคยบอกเธอพนันได้เลยว่าถ้าเธอได้ยินจากปากของฉัน เธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ

          “ฉันรักเธอมากน่ะ อินเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในใจฉันตลอดไป”

          ผมอุ้มเธอนอนลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้เธอ ถ้าเธอตื่นขึ้นมาครั้งนี้เธอจะเห็นผมเป็นแค่เจ้านายของเธอที่เธอเคยมาเป็นผู้ช่วยของผมเท่านั้น เธอจะจำผมในช่วงเวลาดีๆ ที่รู้จักกับผมไม่ได้เลย แม้แต่...น้อย

          วันรุ่งขึ้น...

          “ขอบคุณน่ะค่ะ ที่รับฉันเข้าทำงาน แหะๆ ฉันคงจะได้ออกไปเป็นเลขาให้คนอื่นได้ดีกว่านี้ ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับประสบการณ์”

          เธอพูดพลางมองออกไปที่หน้าต่างที่ฟ้าเริ่มมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ

          “อ้าว ฝนตกลงมากแล้ว แย่จังเลย...ไม่ได้เอาร่มมาซะด้วยซิ ฉันนี่มันแย่จังเลย”

          ผมยื่นร่มของผมที่วางอยู่ข้างโต๊ะให้กับเธอ

          “เอาของฉันไปใช้ซิ”

          “อ๊ะ! แต่ว่าฉันจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วน่ะค่ะ”

          “ไม่เป็นไรถือว่าฉันให้แล้วกัน”

          “ขอบคุณจริงๆ เลยค่ะต้องรบกวนหัวหน้าทุกเรื่องเลย แย่จริงเลยน่ะฉันเนี่ย อ๊ะ! งั้นก่อนไปขอถามคำถามนึง ปลาอะไรเอ่ยไม่มีเกร็ด”

          “ก็ปลาไหลนะซิ”

          “ตุด ตุ๊ด ผิดค่ะ ปลาในตลาด ^-^ เพราะมันถูกถอดเกร็ดออกหมดแล้ว ^-^ งั้นฉันไปก่อนน่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณเป็นคนดีมากๆ เลยค่ะ”

          เธอพูดแล้วเดินออกจากห้องทำงานของผมไป ผมมองเธอที่เดินลงไปถึงข้างล่างแล้ว จากหน้าต่างบนห้องทำงานของผม... เธอกางร่มแล้วเดินออกไปที่ถนนใหญ่แล้วเธอก็เรียกแท็กซี่ ผมมองเธอจนลับสายตาไป ถึงร่างกายของเธอจะหายลับไปจากสายตาผม แต่เธอจะอยู่ในใจของผมตลอดไปนับตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเธอและตลอดไป

                                                                                                          รูปของเธอที่ผมวาดเนี่ยมันช่างสวยจริงๆ


                                                                 @ @ @ @ @ @ @ @ @ @ @


      จากใจนักเขียน
          ความรักไม่มีคำนิยามใดๆ ทั้งนั้นถึงแม้จะมีคนพูดถึงนิยามของมันมากมาย แต่ไม่มีนิยามใดที่รั้งเราไว้ไม้ให้รักใครคนนั้นได้ และถ้าความรักมันเข้าใจกันได้ง่ายๆ ก็คงมีหนังสือหรือตำราให้เรียนกันตั้งแต่อนุบาลแล้วละ เพราะฉะนั้นคุณควรเก็บรักษาความรักนั่นไว้ ก่อนที่มันจะไม่มีให้ก็คุณดูแลหรือปกป้อง มันอีกต่อไป

                                                ขอบคุณคนอ่านค่ะ ติชมได้เลย ขอบคุณมากค่ะ รักคนอ่านจัง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×